 บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น |
|
|
 |
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี" |
|
|
“New Right” or “New left” กับกระบวนการ “มวยล้มต้มคนดู” |
ในช่วงนี้ผมคิดว่าเป็นช่วงที่น่าสนใจครับ
กับการเปลี่ยนแปลงไปของสภาพเศรษฐกิจและการเมืองของไทยและของโลก มีสัญญาณบางอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นก็กำลังเกิดขึ้นโดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาลผสมชุดนี้น่าจะอยู่ได้นานกว่าที่คาดกันเอาไว้
เมื่อเปรียบกับหลายเดือนก่อน ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาลของท่าน โอบามาร์ค ที่เป็นการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากบรรดาพรรคการเมืองเสียงข้างน้อย ซึ่งก่อให้เกิดกระบวนการเสียบเพื่อชาติอีกครั้งหนึ่ง
หากพิจารณาแบบตรงไปตรงมาแล้วผมถือว่าเป็นปรากฎการณ์ "มวยล้มกับคนดู" ที่หลอกบรรดากองเชียร์เสื้อสีต่าง ๆ ที่รบกันแทบเป็นแทบตายสุดท้ายพอแบ่งสัดส่วนของผลประโยชน์ลงตัวก็กลายพันธุ์ไม่มีสีเสื้อเหลือให้เห็นครับ
กลายเป็นความสมดุลภายใต้แรงกดดันที่มาจาก "มือมืดที่มองไม่เห็น" แต่จะว่าไปแล้วเหตุการณ์ลักษณะ "มวยล้มต้มคนดู" นี้ก็ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดเพราะได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ยุคเดือนตุลา
รวมไปถึงในยุคพฤษภาทมิฎ เป็นผลให้สังคมไทยของเรามีวีรชนที่พลีชีพไปแล้วมากมายทั้งสูญหายบาดเจ็บล้มตายอีกไม่รู้เท่าไร
จนเกิดเป็นตำนานที่เล่าขานกันไม่รู้จบ แต่สุดท้ายทุกครั้งก็ดูจะมาลงเอยจบลงกันแบบง่าย
ๆ ที่ผลประโยชน์นั่นแหละครับ พอลงตัวเมื่อไหร่ก็พักรบลงตรงนั้น พอผลประโยชน์ขัดกันเมื่อไหร่ก็เริ่มกระบวนการปลุกระดมกันใหม่
เป็นกระบวนการเดินวนเป็นรูปวงกลมในชามอ่างทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของไทยตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ.2475 ย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้ก้าวไปถึงไหน หากพิจาณาจริง ๆ ให้ถึงแก่นแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ยากจนลงนะครับ
มีสภาพชีวิตโดยรวม รวมทั้งศีลธรรมและจริยธรรมที่เสื่อมโทรมลงเพราะแทบทุกคนก็ต่างเป็นหนี้สินกันถ้วนหน้า
ถึงแม้ดูผิวเผินอาจจะดูเหมือนว่ามีชีวิตที่ทันสมัยและสุขสบายขึ้น เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้น
แต่แท้จริงแล้วช่องว่างของคนรวยและคนจนกำลังขยายตัวกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผมยังจำได้ไม่ลืมครับว่า
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ผมได้ใช้ชีวิตที่ดินแดนผู้ดีที่มี ท่านโทนี่ แบร์ เป็นผู้นำพรรคเลเบอร์
หรือ พรรคกรรมกร ซึ่งเป็นพรรคคู่กัดตลอดกาลกับ พรรคคอนเซอร์เวทีฟ หรือ
พรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้รากมากดีมีสกุล,นายทุน,ขุนทหาร
ซึ่งจัดได้ว่าเป็นกลุ่มชนชั้นสูงของสังคม (ซึ่งในความเห็นของผมพรรคประชาธิปัตย์ก็เปรียบได้กับพรรคอนุรักษ์นิยมนี้ล่ะครับ)
ซึ่งทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่นี้ผลัดกันเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นคู่กัดกันมาตลอดครับ
ทำให้ประเทศอังกฤษซึ่งเป็นต้นแบบของประชาธิปไตยมีลักษณะเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในรูปแบบเฉพาะตัว
ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของอังกฤษเป็นทุนนิยมเสรีอย่างเต็มรูปแบบ แต่ในขณะเดียวกันก็มีสภาพสังคมและการเมืองในลักษณะของรัฐสวัสดิการซึ่งเป็นแนวคิดแบบกึ่งสังคมนิยมซึ่งเป็นความพยายามในการผสมผสานหาจุดร่วม
เป็นการแสวงหาความเหมือนบนความแตกต่างอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนชาวอังกฤษที่น่าสนใจ
ผมยังจำได้แม่นว่าในตอนนั้น ท่านโทนี่ แบร์ ได้ประกาศนโยบาย "New left" คือ "นโยบายเอียงซ้ายแบบใหม่" จะต้องไม่ลืมนะครับว่ารากความคิดแท้
ๆ ของพรรคเลเบอร์หรือพรรคกรรมกร คือ แนวคิดแบบสังคมนิยม เป็นตัวแทนของชนชั้นกรรมาชีพและสภาพแรงงานซึ่งจัดว่าเป็นพวกเอียงซ้ายสุดกู่ เอะอะอะไรก็จะประท้วงและสไตรค์หยุดงาน ก็คล้าย ๆ กับบรรดาสหภาพต่าง ๆของไทยในปัจจุบันนั่นแหละครับ
ที่ไม่พอใจอะไรก็จะนัดหยุดงานหรือนัดลาป่วยพร้อมกันวันยังค่ำ ท่านโทนี่ แบร์ เห็นจุดอ่อนในข้อนี้เห็นว่าถ้าเดินคอเอียงซ้ายแบบสังคมนิยมซ้ายสุดกู่นอกจากจะเมื่อยคอเป็นที่สุดแล้วก็เห็นทีจะไปไม่รอดจึงได้ประกาศ
"นโยบายเอียงซ้ายแบบใหม่" เป็นผลให้ประเทศอังกฤษเข้าสู่ยุคการฟื้นตัวครั้งใหม่
เอาไว้สัปดาห์หน้าครับผมจะมาเล่าให้ฟังว่าในปัจจุบัน
ท่านโอบาร์มา ประธานาธิบดีผิวสีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาอำนาจของโลกที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มี
"นโยบายแบบเอียงขวา แบบสุด ๆ" อีกทั้งได้ประกาศตัวเองมาตลอดเวลาว่าเชื่อมั่นและยึดมั่นในระบอบ
"ทุนนิยมแบบเสรี" ก็ดูเหมือนว่ากำลังจะกลายพันธุ์เป็นประเทศสังคมนิยมแบบใหม่ อาจจะเรียกว่า "ระบบสังคมนิยมเสรี" ในรูปแบบใหม่ก็เป็นไปได้ เพราะในอนาคตอันใกล้คงจะมีการซื้อกิจการของเอกชนที่กำลังจะล่มสลายลงมาเป็นของรัฐ
รวมทั้งการลงทุนแบบเมกะโปรเจคของรัฐ (ไปแข่งกับเอกชน) โดยเอาภาษีของประชาชนมาใช้
เป็นกระบวนการ "มวยล้มต้มคนดู" หลอกให้ประเทศอื่นใช้ "ระบบทุนนิยมเสรี" แต่ตัวเองกลับเคลื่อนตัวไปสู่
"ระบบสังคมนิยมเสรี" รวมไปถึง มาดูกันว่าท่านโอบามาร์คจะเดินตามท่านโอบามา ที่จะก้าวไปสู่ "สังคมนิยมเสรี" หรือไม่อย่างไรก็เอาไว้ต่อสัปดาห์หน้าครับมาดูกระบวนการ "มวยล้มต้มคนดู" จะได้รู้เท่าทันเพื่อกันมิให้ใครมาหลอกเราได้ง่ายอีกต่อไปครับ
|
|
|