 บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น |
|
|
 |
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี" |
|
|
“อาบัง”ฤๅจะ แซงหน้า “อาเฮีย” (1) |
นิตยสาร "The Economist" อันทรงอิทธิพลแห่งเกาะ "อังกฤษ" ได้ตีพิมพ์บทความวิเคราะห์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าภายในระยะเวลาอีก 3-5
ปีข้างหน้า ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ "อาบัง" หรือ "อินเดีย" มีแนวโน้มว่าอาจจะแซงหน้า
"อาเฮีย" หรือ "จีน" และเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาล "อาบัง" ก็ได้ประกาศว่า
จากการประเมินความเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวม ในปีนี้อาจจะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ
8.75 ถึง 9 (ในขณะที่ "อาเฮีย"
อยู่ที่อัตราประมาณร้อยละ 8) นอกจาก "อาบัง" จะมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดแล้ว ใน "เวทีทางการทูต" ก็นับวันจะมีบทบาทในเชิงรุกมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าตลอด ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา "อาบัง" ได้มีการติดต่อกับบรรดานานาอารยะประเทศเป็นจำนวนมากก่อให้เกิดความร่วมมือกันในหลายด้าน
ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ในด้านการทูตที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ความสำเร็จที่เกิดจากกลยุทธ์ด้านการทูตของ
"อาบัง"
ได้รับความชื่นชมจากรัฐบาล "สหรัฐฯ" ว่า "อินเดีย" แจ้งเกิดแล้วในเวทีโลก
นอกจากนั้นนิตยสาร
"The
Economist" ยังวิเคราะห์ต่อไปอีกว่าภายในระยะเวลา 20-25 ปี "อินเดีย" จะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด
อีกทั้งจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ทั้งนี้ได้อาศัยหลักเกณฑ์สำคัญ
2 ประการนำมาประกอบการวิเคราะห์ หนึ่งคือ การปกครองในระบอบ "ประชาธิปไตย" หลักเกณฑ์สำคัญประการที่สองคือ "จำนวนประชากร" ในวัยเจริญพันธุ์มากที่สุดในโลก โดยปัจจุบันมี
"อาบัง" ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี
ประมาณกว่าห้าร้อยล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งทรัพยากรมนุษย์จำนวนมหาศาลนี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในอนาคต ถือได้ว่าเป็น "โบนัสแห่งยุคทอง" ของ "อินเดีย" ครับ
ในปัจจุบันประเด็น
"อาบัง" จะแซงหน้า "อาเฮีย" ได้หรือไม่และอย่างไรได้กลายเป็นประเด็นในการสนทนามาโดยตลอด
เพราะทั้ง "อาบัง" และ "อาเฮีย" เป็นประเทศอภิมหาอำนาจที่มี "ภูมิสังคม" หลายประการคล้ายคลึงกัน เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ในภูมิภาค
"เอเชีย" ด้วยกัน มีจำนวนประชากรมากพอกัน
เป็นประเทศที่มีอารยะธรรมเก่าแก่นับพันปีเช่นกัน อีกทั้งยังมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วไม่ได้ยิ่งหย่อนกัน
นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันอีกด้วย จึงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและใกล้ตัวที่สุด
นอกจากนั้นดังที่กล่าวมาแล้วว่ามีจำนวนประชากร "อาบัง" ในวัยเจริญพันธ์ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลประมาณกว่าห้าร้อยล้านคน จึงมีเหตุอันน่าเชื่อว่า
ประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดใน "เอเชีย" ต่อไปอาจจะเป็น "อาบัง" มิใช่ "อาเฮีย" ก็เป็นได้ครับ
เมื่อวันที่
7 ธันวาคม 2010 ที่ผ่านมา "อาบัง" ได้ประมาณการความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้น่าจะสูงเกินกว่าร้อยละ 8.75 (ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คาดการไว้ว่าจะโตเพียงร้อยละ
8.5 เท่านั้น) แม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นทั้งใน "ยุโรป" และ "อเมริกา" ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อหลายประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างรุนแรง แต่ "อาบัง" กลับมีความมั่นใจเต็มร้อยในเสถียรภาพของตนเอง
ทั้งนี้เนื่องจากมีเม็ดเงินจากภายนอกจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าไปลงทุน อีกประการหนึ่งอุปสงค์ภายในประเทศที่มีอัตราสูงเป็นกลไกทำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างดี
ความเติบโตทางเศรษฐกิจของ "อาบัง" มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง อาจถึงระดับร้อยละ 9-10 ล้วนอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้
เนื่องจากมีอัตราความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดความต้องการทางด้านพลังงานจึงนับวันจะเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นในวาระที่ "ซาโกซี" ประธานาธิบดี "ฝรั่งเศส" เยือน "อินเดีย" ได้มีการลงนามในสัญญาพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์
โดย "ฝรั่งเศส"
จะรับจ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่ง และจะทำการสร้างต่อไปจนครบ 20
แห่ง
พี่เบิ้มแห่ง "เอเชีย" ที่ชอบทาน "โรตี" และ "บะหมี่"
ทั้งสองนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทั้งคล้ายคลึงกันบนพื้นฐานของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมพันปีที่แตกต่างกัน
จึงทำให้ผมสนใจในการศึกษาหาจุดร่วมบนความแตกต่างของพื้นฐานโครงสร้างทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคมและการเมือง ของอภิมหาอำนาจแห่ง "เอเชีย" ทั้งสองนี้ ศึก "ชนช้าง" ครั้งนี้ห้ามกระพริบตาครับ อนาคต "เอเชีย" จะรุ่งหรือร่วงก็ขึ้นอยู่กับการก้าวรุดหน้าไปของ
2 ประเทศนี้เป็นหลักครับ ว่าจะสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่าง "สานประโยชน์" ในรูปแบบที่ "สมดุล" กันได้แค่ไหน และทิศทางใดครับ
|
|
|