สมัครงานกับทีมงานบ้านไม่บาน คลิกอ่านรายลัเอียดด้านใน

โปรดระวังบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว   ชอบช่วย หรือ   ผศ.ดร.ภัทรพล   เวทยสุภรณ์  และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง  ฯลฯ  ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ  ทั้งสิ้น  หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์   02-2451399  หรือ  02-6441478  เท่านั้น
บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น

ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ "ตักศิลา คเณศ์ธร"

  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
ครบรอบ 120 ปี “ศิลป์ พีระศรี”
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี"

หน้าแรก arrow อ่านบทความย้อนหลังที่นี่ arrow เรือนชานบ้านเมือง arrow “อาบัง”ฤๅจะ แซงหน้า “อาเฮีย” (1)
“อาบัง”ฤๅจะ แซงหน้า “อาเฮีย” (1)

            นิตยสาร "The Economist" อันทรงอิทธิพลแห่งเกาะ "อังกฤษ" ได้ตีพิมพ์บทความวิเคราะห์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าภายในระยะเวลาอีก 3-5 ปีข้างหน้า ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ "อาบัง" หรือ "อินเดีย" มีแนวโน้มว่าอาจจะแซงหน้า "อาเฮีย" หรือ "จีน" และเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาล "อาบัง" ก็ได้ประกาศว่า จากการประเมินความเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวม ในปีนี้อาจจะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 8.75 ถึง 9 (ในขณะที่ "อาเฮีย" อยู่ที่อัตราประมาณร้อยละ 8) นอกจาก "อาบัง" จะมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดแล้ว ใน "เวทีทางการทูต" ก็นับวันจะมีบทบาทในเชิงรุกมากขึ้น จะเห็นได้ว่าตลอด ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา "อาบัง" ได้มีการติดต่อกับบรรดานานาอารยะประเทศเป็นจำนวนมากก่อให้เกิดความร่วมมือกันในหลายด้าน ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ในด้านการทูตที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ความสำเร็จที่เกิดจากกลยุทธ์ด้านการทูตของ "อาบัง" ได้รับความชื่นชมจากรัฐบาล "สหรัฐฯ" ว่า "อินเดีย" แจ้งเกิดแล้วในเวทีโลก

            นอกจากนั้นนิตยสาร "The Economist" ยังวิเคราะห์ต่อไปอีกว่าภายในระยะเวลา 20-25 ปี "อินเดีย" จะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด อีกทั้งจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ทั้งนี้ได้อาศัยหลักเกณฑ์สำคัญ 2 ประการนำมาประกอบการวิเคราะห์ หนึ่งคือ การปกครองในระบอบ "ประชาธิปไตย" หลักเกณฑ์สำคัญประการที่สองคือ "จำนวนประชากร" ในวัยเจริญพันธุ์มากที่สุดในโลก โดยปัจจุบันมี "อาบัง" ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ประมาณกว่าห้าร้อยล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งทรัพยากรมนุษย์จำนวนมหาศาลนี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในอนาคต ถือได้ว่าเป็น "โบนัสแห่งยุคทอง" ของ "อินเดีย" ครับ

            ในปัจจุบันประเด็น "อาบัง" จะแซงหน้า "อาเฮีย" ได้หรือไม่และอย่างไรได้กลายเป็นประเด็นในการสนทนามาโดยตลอด เพราะทั้ง "อาบัง" และ "อาเฮีย" เป็นประเทศอภิมหาอำนาจที่มี "ภูมิสังคม" หลายประการคล้ายคลึงกัน เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ในภูมิภาค "เอเชีย" ด้วยกัน มีจำนวนประชากรมากพอกัน เป็นประเทศที่มีอารยะธรรมเก่าแก่นับพันปีเช่นกัน อีกทั้งยังมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วไม่ได้ยิ่งหย่อนกัน นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันอีกด้วย จึงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและใกล้ตัวที่สุด นอกจากนั้นดังที่กล่าวมาแล้วว่ามีจำนวนประชากร "อาบัง" ในวัยเจริญพันธ์ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลประมาณกว่าห้าร้อยล้านคน จึงมีเหตุอันน่าเชื่อว่า ประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดใน "เอเชีย" ต่อไปอาจจะเป็น "อาบัง" มิใช่ "อาเฮีย" ก็เป็นได้ครับ

            เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2010 ที่ผ่านมา "อาบัง" ได้ประมาณการความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้น่าจะสูงเกินกว่าร้อยละ 8.75 (ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คาดการไว้ว่าจะโตเพียงร้อยละ 8.5 เท่านั้น) แม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นทั้งใน "ยุโรป" และ "อเมริกา" ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อหลายประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างรุนแรง แต่ "อาบัง" กลับมีความมั่นใจเต็มร้อยในเสถียรภาพของตนเอง ทั้งนี้เนื่องจากมีเม็ดเงินจากภายนอกจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าไปลงทุน อีกประการหนึ่งอุปสงค์ภายในประเทศที่มีอัตราสูงเป็นกลไกทำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างดี ความเติบโตทางเศรษฐกิจของ "อาบัง" มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง อาจถึงระดับร้อยละ 9-10 ล้วนอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ เนื่องจากมีอัตราความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดความต้องการทางด้านพลังงานจึงนับวันจะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในวาระที่ "ซาโกซี" ประธานาธิบดี "ฝรั่งเศส" เยือน "อินเดีย" ได้มีการลงนามในสัญญาพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ โดย "ฝรั่งเศส" จะรับจ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่ง และจะทำการสร้างต่อไปจนครบ 20 แห่ง

            พี่เบิ้มแห่ง "เอเชีย" ที่ชอบทาน "โรตี" และ "บะหมี่" ทั้งสองนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทั้งคล้ายคลึงกันบนพื้นฐานของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมพันปีที่แตกต่างกัน จึงทำให้ผมสนใจในการศึกษาหาจุดร่วมบนความแตกต่างของพื้นฐานโครงสร้างทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ของอภิมหาอำนาจแห่ง "เอเชีย" ทั้งสองนี้ ศึก "ชนช้าง" ครั้งนี้ห้ามกระพริบตาครับ อนาคต "เอเชีย" จะรุ่งหรือร่วงก็ขึ้นอยู่กับการก้าวรุดหน้าไปของ 2 ประเทศนี้เป็นหลักครับ ว่าจะสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่าง "สานประโยชน์" ในรูปแบบที่ "สมดุล" กันได้แค่ไหน และทิศทางใดครับ

<Previous   Next>