สมัครงานกับทีมงานบ้านไม่บาน คลิกอ่านรายลัเอียดด้านใน

โปรดระวังบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว   ชอบช่วย หรือ   ผศ.ดร.ภัทรพล   เวทยสุภรณ์  และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง  ฯลฯ  ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ  ทั้งสิ้น  หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์   02-2451399  หรือ  02-6441478  เท่านั้น
บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น

ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ "ตักศิลา คเณศ์ธร"

  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
ครบรอบ 120 ปี “ศิลป์ พีระศรี”
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี"

หน้าแรก arrow อ่านบทความย้อนหลังที่นี่ arrow เรือนชานบ้านเมือง arrow “อาบัง”ฤๅจะ แซงหน้า “อาเฮีย” (2)
“อาบัง”ฤๅจะ แซงหน้า “อาเฮีย” (2)

                เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้พูดถึงอภิมหากาพย์ "ศึกชนช้าง" ของ "อินเดีย" หรือ "อาบัง" กับ "จีน" หรือ "อาเฮีย" ซึ่ง "พี่เบิ้ม" แห่ง "เอเชีย" ที่ชอบกิน "โรตี" และ "บะหมี่" ทั้งสองนี้มีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างกันบนพื้นฐานของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่มีอายุพันปีเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนบ้านกัน มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดที่สูงกว่า 8 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน มีประชากรหลักพันล้านคนเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบัน "อาบัง" มีจำนวนประชากรวัยเจริญพันธ์มากที่สุดในโลก คือ มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ประมาณกว่า 500 ล้านคน "ทรัพยากรมนุษย์" จำนวนมหาศาลเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในอนาคตของ "อินเดีย" แม้แต่นิตยสาร "The Economist" อันทรงอิทธิพ ลของเกาะ "อังกฤษ" ก็ยังได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ที่น่าสนใจยิ่งว่า ภายในระยะเวลาอีก 3-5 ปี ข้างหน้า "อาบัง" มีแนวโน้มว่าอาจแซงหน้า "อาเฮีย" นอกจากนั้นในหนังสือชื่อ "The Elephant and the Dragon" ของ "Robyn Meredith" ได้วิเคราะห์ถึงที่มาของความสำเร็จทางเศรษฐกิจอย่างคาดไม่ถึงของทั้ง "อาบัง" และ "อาเฮีย" ที่อาจทำให้ศูนย์ถ่วงของอำนาจโลกกำลังเคลื่อนตัวมาสู่ "เอเชีย"

                ส่วนเรื่องระบบการปกครองนั้น"อาบัง" ได้เปรียบ "อาเฮีย" เพราะ "ระบอบประชาธิปไตย" ของ "อาบัง" นั้นได้ผ่านกระบวนการปรับปรุงดัดแปลงเพิ่มเสริมเติมแต่งให้เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของ "อินเดีย" มาตั้งแต่ได้รับเอกราชจาก "อังกฤษ" ส่วน "จีน" นั้นยังคงเป็น "ระบอบสังคมนิยม" ถึงแม้จะพยายามประคองนโยบาย "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" ประเภท "หนึ่งประเทศสองระบบ" แต่จะไปได้อีกนานเท่าไรหรือที่สุดแล้วจะพัฒนาออกมาเป็นลูกผสมที่เหมาะสมในรูปแบบใดก็ยังไม่ทราบได้ นอกจากนั้น "อาเฮีย" ยังมีปัญหาในด้าน "สิทธิมนุษยชน" เพราะประชาชนถูกกดให้อยู่ในความเข้มข้นของ "เบ้าหลอม" ทางความคิดในระบอบ "คอมมิวนิสต์" มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีตั้งแต่ยุค "ประธานฯ เหมา" อีกทั้งบทบาทของ "อาเฮีย" ในเวทีโลกถือได้ว่ายังเป็นรอง "อาบัง" เพราะ "อาเฮีย" ได้รับฉายาว่าเป็น "จอมประท้วง" เพราะไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ก็จะทำการประท้วงไปหมด ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมของ "จีน" จึงดูเหมือนมีทัศนคติที่คับแคบ สร้างศัตรูไว้มากโดยเฉพาะกับ "สหรัฐฯ" ที่ผูกใจเจ็บได้ "ลับมีด" เตรียมอยู่แล้ว พฤติการณ์ของ "อาเฮีย" ในเวทีการฑูตโลกเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของตนเองเป็นส่วนใหญ่ หากมองในมุมของนักเศรษฐศาสตร์ ต่อให้ "จีน" มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องในอดีตยาวนานถึง 20 ปี แต่นั่นมิใช่เรื่องสำคัญ หากประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ประเทศใดจะมี "พลวัตรในการพัฒนา" อย่างต่อเนื่องไปในอนาคตอันใกล้และไกลมากกว่ากัน

                แต่หากจะว่าตามความเป็นจริงแล้วข้อด้อยของ "อาบัง" ก็มีไม่น้อย เช่น การเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจโดยรวมล่าช้า เป็นผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ "อินเดีย" เท่ากับ 1 ใน 4 ของ "จีน" เท่านั้นเอง นอกจากนั้นอัตราของ "อาบัง" ที่รู้หนังสือมีเพียงร้อยละ 66 เท่านั้นในขณะที่ "อาเฮีย" สูงถึงร้อยละ 93 อีกทั้งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานยังล้าหลังอยู่มาก มีการคอร์รัปชั่นทุจริตโกงกินกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งการบริหารจัดการของ "อาบัง" เมื่อเทียบกับ "อาเฮีย"แล้วยังทิ้งห่างกันอยู่มาก ทั้งนี้หากได้ทำการวิเคราะห์จากความสมดุลของตลาด เมื่อเทียบกับ "อาเฮีย" แล้วเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของ "อาบัง" ยังเป็นระบบปิดอยู่ จึงมีนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า "อาบัง" จะแซงหน้า "อาเฮีย" ในอนาคตอันใกล้นี้

                อย่างไรก็ตามไม่ว่า "อาบัง" หรือ "อาเฮีย" ใครจะล้ำหน้าใครแต่การเจริญเติบโตในภาพรวมของ ภูมิภาค "เอเชีย" อย่างมั่นคงและยั่งยืนได้นั้นจำต้องอาศัยทั้ง "อาเฮีย" และ "อาบัง" เป็นหัวหอกที่สำคัญในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า สำหรับผมแล้วเชื่อว่าอนาคตของ "เอเชีย" นั้นแท้จริงแล้วขึ้นอยู่บนพื้นฐานแห่งความร่วมมืออย่างเสมอภาคในทุก "มิติ" อย่างจริงใจและจริงจังระหว่าง "อาเฮีย" กับ "อาบัง" ที่จำเป็นต้องธำรงรักษาไว้ซึ่งการพัฒนาความสัมพันธ์อย่าง "สมดุลย์" ทั้งทางเศรษฐกิจ,สังคมและการเมือง รวมทั้งการทหาร ให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในภูมิภาคที่จะเป็น "พลวัตร" ที่สำคัญในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอภิมหาอำนาจแห่ง "เอเชีย" นี้ให้ก้าวหน้าไปพร้อมกันและนำความเจริญอย่างยั่งยืนมาสู่ "เอเชีย" โดยรวมครับ

<Previous   Next>