สมัครงานกับทีมงานบ้านไม่บาน คลิกอ่านรายลัเอียดด้านใน

โปรดระวังบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว   ชอบช่วย หรือ   ผศ.ดร.ภัทรพล   เวทยสุภรณ์  และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง  ฯลฯ  ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ  ทั้งสิ้น  หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์   02-2451399  หรือ  02-6441478  เท่านั้น
บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น

ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ "ตักศิลา คเณศ์ธร"

  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
  • ศูนย์รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ “ตักศิลา คเณศ์ธร”
ครบรอบ 120 ปี “ศิลป์ พีระศรี”
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี"

หน้าแรก arrow อ่านบทความย้อนหลังที่นี่ arrow เรือนชานบ้านเมือง arrow การ “ถอย” ในสภาวะ “วิกฤติ” “ยุทธศิลป์” (Art of War) ของ “เหมาเจ๋อตุง”
การ “ถอย” ในสภาวะ “วิกฤติ” “ยุทธศิลป์” (Art of War) ของ “เหมาเจ๋อตุง”

          "เคล็ดการรบ 16 คำ" ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วว่า "ข้าศึกรุกถอย ข้าศึกพักกวน ข้าศึกเพลียตี ข้าศึกหนีไล่" ทำให้ฐานที่มั่นของ "เหมาเจ๋อตุง" ในเขา "จิ่งกังซาน" มีความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังสามารถขยายพื้นที่ยึดครองออกไปได้มากจนประสบกับชัยชนะในที่สุด ซึ่ง "เคล็ดการรบ 16 คำ"นี้นับเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของ "สงครามจรยุทธ์" อีกทั้งยังเป็น "ยุทธศิลป์" (ART OF WAR) ที่เข้าใจง่ายปฏิบัติได้ง่ายและเป็นยุทธ์วิธีที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีบทบาทชี้นำอย่างได้ผลแก่กองทัพจีนทั้งหมด

          "ถอย" คือ หนึ่งในสุดยอด "ยุทธศิลป์" ของ "เหมาเจ๋อตุง" ภายใต้สถานการณ์ในภาพรวมที่ตกเป็นรอง อีกทั้งยังตกอยู่ในสภาวะ "วิกฤติ" จำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการทำสงครามแบบเผชิญหน้า ซึ่งโดยปรกติแล้วเมื่อตกอยู่ในสภาวะ "วิกฤติ" นั้นมีแนวทางในการเลือกปฏิบัติมีอยู่ 3 ทาง คือ ทางที่ 1 คือการ "ยอมจำนน" ทางที่ 2 คือการ "เจรจาขอสงบศึก" และทางที่ 3 คือการ "ถอย" เมื่อเปรียบกันแล้วการ "ยอมจำนน" คือ "การพ่ายแพ้อย่างที่สุด" การ "เจรจาสงบศึก" คือ "การแพ้แล้วครึ่งหนึ่ง" แต่การ "ถอย" อาจเปลี่ยนมาเป็น "ชัยชนะ" ได้ โดย "เหมาเจ๋อตุง" ได้ใช้หลักการที่ว่า "รบชนะได้ก็รบ รบชนะไม่ได้ก็ถอย" เพราะในทางปฏิบัติแล้วระยะเวลาในการทำสงครามจะใช้ระยะเวลามากกว่าการรบเสมอครับ ดังนั้น "เหมาเจ๋อตุง" เมื่อไม่แน่ใจในผลการรบที่ออกมาหรือไม่มั่นใจในชัยชนะก็จะทำการ "ถอย" ซึ่งแท้จริงแล้วการ "ถอย" ทุกครั้งของ "เหมาเจ๋อตุง" ก็ทำไปเพื่อชัยชนะในการรบทั้งสิ้น

          ซึ่ง "ยุทธศิลป์" ของ "เหมาเจ๋อตุง" อันโดดเด่นนั้นมีลักษณะจำเพาะที่น่าสนใจยิ่งอยู่ 4 ประการ คือ

  • ประการที่ 1 กล่าวถึงลักษณะพิเศษโดยรวมของสงคราม คือ เมื่อ "ข้าศึกแข็งเราอ่อน" โดยใช้ความด้อยกว่าชนะความเหนือกว่า
  • ประการที่ 2 กล่าวถึงหลักการขับเคลื่อนด้วยตนเอง ( กัมมันตภาพรังสี ) ภายในเงื่อนไขที่ว่าทำการรบที่แปรเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม อยู่ใน "กาลเทศะ" ใดก็รบตาม "กาลเทศะ" นั้น จึงเป็นแนวทางในการรบที่เรียบง่ายและชัดเจนว่า "แกรบของแก ข้ารบของข้า รบชนะได้ก็รบ รบชนะไม่ได้ก็ถอย" เป็น "การขยายข้อดี หลีกเลี่ยงข้อด้อย" และ "เหมาเจ๋อตุง" มีแนวความคิดที่ว่าการรบนั้นไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์หรือหลักการที่ตายตัวตามตำรา เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ยุทธวิธีก็เปลี่ยน ซึ่งทำให้สามารถสร้าง "ยุทธศิลป์" ที่ทำการการรบทั้งตามรูปแบบมาตรฐานไปควบคู่กับการรบในรูปแบบพลิกแพลงพิสดารเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
  • ประการที่ 3 ทำการอนุรักษ์,สืบสานและพัฒนา จารีตของตำรา "ยุทธศิลป์" อันเป็น "ของดีมีอยู่" แต่โบราณนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อเอาชนะข้าศึก "เหมาเจ๋อตุง" มีความเห็นว่าควรศึกษาบทเรียนในสงครามที่คนรุ่นก่อนได้ดำเนินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเป็นต้องศึกษาแนวคิดกลยุทธ์ของนักการทหารที่เป็นที่ยอมรับในอดีต (โดยเฉพาะ "ซุนวู") ไว้เป็นแบบอย่างและนำมาปรับประยุกต์ใช้ในการชี้นำการทำสงคราม 
  • ประการที่ 4 ยึดถือวิธีการใช้คนของนักปราชญ์ในยุคสมัยโบราณโดย "ใช้คนตามคุณธรรม" ตามความสามารถ "ให้อำนาจตามภูมิปัญญา" ดังนั้น "เหมาเจ๋อตุง" จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่สันทัดในการใช้คนเป็นอย่างยิ่ง

          มาถึงตอนนี้ดูหนัง "ดูละครย้อนกลับมาดูตัว" ในสภาวะ "วิกฤติ" รอบด้านของสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง รวมทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ พอได้ลองศึกษา "ยุทธศิลป์" ของ "เหมาเจ๋อตุง" ก็อาจจะค้นพบทางออกที่นำมาให้รอดพ้นจากวังวนของ "วิกฤติ" ที่อาจจะง่ายเหมือนเส้นผมบังภูเขา คือการกลับไปหา "ของดีมีอยู่" ที่เป็น "รากเหง้า" ของเราแท้ ๆ "ถอย" กลับไปสู่ "ฐานที่มั่น" ของสังคมไทยที่เข้มแข็งที่เราเคยมองข้าม ผมนึกถึงคำพูดของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ในช่วงที่ผมเคยทำงานกับมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งยังก้องอยู่ในหูผมว่า ให้กล้าที่จะ "ถอย" ซึ่งก็มีแนวคิดคล้ายคลึงกับ "ยุทธศิลป์" ของ "เหมาเจ๋อตุง" แต่ท่านใช้คำแบบไทย ๆ ว่าให้ "ถอยหลังเข้าคลอง" เพราะหากเราไม่แน่ใจในอนาคตในการก้าวไปข้างหน้าอีกทั้งยังรู้แน่ว่าที่ปากคลองเต็มไปด้วยหินโสโครก ที่มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากจะเป็นผลให้ "รัฐนาวา" ลำนี้ต้องล้มแน่ จึงต้องกล้าที่จะคัดท้ายหันหัวเรือกลับ "ถอยเข้าคลอง" ในที่ที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ น้ำใสไหลเย็นนิ่ง ไม่กลัวที่ใครจะดูถูกว่าไม่ทันสมัย ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วย "วิกฤติ" เช่นนี้ การ "ถอย" ไปตั้งหลักสักพักก็คงดีเหมือนกันครับ

<Previous   Next>