 บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น |
|
|
 |
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี" |
|
|
ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องพร้อมใจกันไปเลือกตั้ง |
นี่ถือได้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสียงของบรรดาพรรคการเมืองต่าง
ๆ ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าบรรยากาศในการหาเสียงของพรรคการเมืองแทบทุกพรรคก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความพยายามที่จะ
"ติดสินบน" ประชาชนด้วยนโยบาย "ประชานิยม" ดังจะเห็นได้จากการสัญญาล่วงหน้าว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับคนกลุ่มต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็น เรียนฟรี, มีเงินสวัสดิการฟรี,มีรถเมล์-รถไฟให้ขึ้นฟรี, มีรถไฟฟ้าสายใหม่
ๆ ให้ใช้ในราคาถูก, ชาวนาจะมีบัตรเครดิต อะไรทำนองนี้ ซึ่งในภาพรวมก็น่าผิดหวังมากครับเพราะแทบจะไม่เห็นแนวทางหรือนโยบายในการแก้ไขปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคมและการเมืองในเชิงโครงสร้างเลยครับ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนั้น
เนื้อหาส่วนใหญ่ที่ให้สัญญากับประชาชนกลับเป็นเรื่องการติดสินบนและการเสนอผลตอบแทนในระยะสั้น
แต่ข้อเท็จจริงแล้วโครงการผลาญเงินเพื่อซื้อใจ (เสียง)เหล่านี้จะก่อให้เกิดปัญหาระยะยาว
ดังที่ผมได้เคยเตือนสติหลายครั้งในเหตุการณ์ "วิกฤตหนี้สาธารณะ" ของ "กรีซ"
ที่คน "ไทย" ควรจะศึกษาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของรัฐที่ผ่านโครงการ "ประชานิยม"
ในรูปแบบสวัสดิการต่าง ๆ น่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้คน "ไทย" จะได้ไม่กระทำผิดพลาดซ้ำอีก
และที่สำคัญที่สุดไม่มีพรรคการเมืองไหนเลยที่มีนโยบายชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาการคอรัปชั่นโกงกินกันในระบบได้อย่างไร
เพราะ "ราก" ที่แท้ของความขัดแย้งทางการเมืองที่เห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรมที่ผ่านมาก็คือปัญหาที่เกิดจากกลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเข้ามามีอำนาจทางการเมืองและถึงแม้บุคลากรทางการเมืองจะถูกเว้นวรรคก็ยังมีระบบ
"โดมินีเชิงอำนาจ" ให้เป็น "ร่างทรง" ลงเลือกตั้ง โดยหวังจะได้เข้ามาเพื่อปูทางอันจะนำไปสู่การสร้างฐานอำนาจทางการเมืองก่อนแล้วค่อยใช้อำนาจนั้นเข้าไปจัดการแสวงหาผลประโยชน์ในบรรดาโครงการ
"เมกะโปรเจค" ให้กับกลุ่มของตนตลอดจนบรรดาวงศาคณาญาติและพวกพ้องและคนใกล้ชิด
ทำให้เกิดวงจรของการคอร์รัปชั่นได้หยั่งลึกลงไปสู่นโยบายอย่างโจ่งแจ้ง
อีกทั้งยังต้องยอมรับนะครับว่าฝ่ายทหารเองซึ่งเป็น
"สถาบัน" หลักอีก "สถาบัน" หนึ่งที่ในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะย้อนยุคแบบ
"ถอยหลังเข้าคลอง" คือหลังจากการปฏิวัติ พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ทหารซึ่งเคยถอยกลับเข้ากรมกองไปพักใหญ่กลับออกมามีอำนาจแฝงในการกดดันทางการเมืองอย่างชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
โดยไม่ยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ดังเช่นที่เคย แต่กลับมาสถาปนาอำนาจของตนเองขึ้นใหม่และเลือกที่จะตอบสนองความต้องการที่เข้ากันได้กับผลประโยชน์ของ
"กองทัพ" มากเสียกว่าที่จะกระทำตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และคงไม่สามารถปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำว่า
ในพฤติกรรมเชิงลึกแล้ว "กองทัพ" กำลังผูกโยงอยู่กับกลุ่มอำนาจบางกลุ่ม ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าบทบาทของทหารหลังการปฏิวัติ
อาจนึกว่ามีความสำคัญแบบประเทศชาติขาดไม่ได้จึงได้ฉวยโอกาสใช้อำนาจและหลุดลอยถอยห่างออกไปทุกทีจากความต้องการของประชาชนอีกทั้งยังมองการเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มต่าง
ๆ ว่าเป็นเรื่องของการก่อความวุ่นวาย ซึ่งผมกลับมองว่าการชุมนุมเรียกร้องต่าง ๆ นั้นเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ที่คนที่มีความคิดแตกต่างกันได้มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและเป็นขั้นตอนหนึ่งของการพัฒนา
"ประชาธิปไตย" แบบไทย ๆ ที่สังคม "ไทย"
จะต้องเรียนรู้และประคองตัวให้ผ่านขั้นตอนนี้ให้ได้
จะว่ากันไปแล้วคงไม่มีใครคาดหวังอะไรมากนักจากผลของการเลือกตั้งที่กำลังจะออกมาในครั้งนี้ไม่ว่าใครจะมาเป็น
"รัฐบาลผสม" สังคม "ไทย" ก็จะยังคงสับสนวุ่นวายกันไปแบบนี้อีกสักพักใหญ่
ดังนั้นผลของการเลือกตั้งในครั้งนี้ก็จะได้แค่เพียงการ "ประสานประโยชน์" หรือการเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันระหว่างกลุ่มไม่ว่าจะทุนเก่าหรือทุนใหม่
สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ท้ายที่สุดก็ยังลำบากตรากตรำกับชีวิตเหมือนเดิม ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าผมหรือท่านจะเบื่อหน่ายการเมืองเพียงใดก็ตาม
แต่วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้อยากเชิญชวนให้เข้าคูหาเลือกตั้ง กลุ่มที่มีพรรคและคนที่ชื่นชอบอยู่ในใจแล้วก็สามารถตัดสินใจเลือกได้ทันที
เพราะไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรคนกลุ่มนี้ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด ส่วนกลุ่มที่ลังเลหรือเบื่อหน่าย
เพราะมีความรู้สึกว่าไม่ว่าเลือกพรรคไหนก็ล้วนแล้วแต่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น
จึงอยากจะบอกคนกลุ่มนี้ "ต้องไม่นอนหลับทับสิทธิ์" เพราะถ้าไม่ไปใช้สิทธิ์ก็เท่ากับว่าสนับสนุนคนไม่ดีให้เข้ามายึดสภาฯ
ดังนั้นก่อนจะถึงวันเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ยังพอมีเวลาที่จะศึกษาและเลือกสรรคนที่มาทำหน้าที่บริหารประเทศ
และต้องไม่ลืมว่าในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคมนี้ ว่าอนาคตประเทศไทยอยู่ในกำมือของท่านแล้วชอบหรือไม่ชอบอย่างไร
ก็ต้องพร้อมใจกันไปเลือกตั้งครับ
|
|
|