สิ่งหนึ่งที่ผมเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง คือ "ดินแดนสุวรรณภูมิ" ของเราที่ในสายตาของชาวโลกคือ "ดินแดนแห่งทองคำ" นั้น มั่งคั่งเป็นอย่างยิ่งกับฐาน "ทรัพยากรทางธรรมชาติ" (ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ อยู่เนื่อง ๆ) อีกทั้งเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมตลอดจนสินค้าทางการเกษตรจนได้รับการยอมรับว่าเป็น "ครัวโลก" ที่เลี้ยง "พลโลก" กว่าครึ่งโลก เพราะมีความอุดมสมบูรณ์เหลือเกินครับ เพราะ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" อีกทั้ง "ในอ่าวมีแก๊สและน้ำมัน" นี่ยังไม่นับรวมถึงทำเลที่ตั้งก็ยังเป็น "จุดศูนย์กลาง" ของภูมิภาค "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ทำให้บ้านเราเป็นที่หมายปองของใครต่อใครที่จะเข้ามากอบโกยบรรดาทรัพยากรที่มีอยู่

            นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเป็นโลกที่ "ไร้พรมแดน" อย่างแท้จริงครับ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องทำให้ "สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้" เพราะว่าในปัจจุบันเราจะเผชิญหน้ากับการรุกครั้งใหญ่ของเครือข่าย "ทุนนิยม" ที่ "ไร้พรมแดน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือการเปิดเสรี "อาเซียน" หากเตรียมรับมือกันไว้ไม่ทันก็อาจนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี ที่แน่ ๆ คือการไหลทะลักเข้ามาของแรงงานราคาถูก สินค้าราคาถูกจะส่งผลให้ผู้ประกอบกิจการน้อยใหญ่จะได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ผมจะทำการบรรยาย ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันอังคารที่ 11 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ โดยจะพูดในหัวข้อ "แนวคิด+รูปแบบของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในยุควิกฤติ" ก็เพื่อให้ "รู้เขารู้เรา" เมื่อทำการ "รบร้อยครั้งก็จะได้มีชัยร้อยครั้ง" ซึ่งกระบวนการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมนี้บรรดา "กูรู" ทั้งหลายมักจะเรียกว่า กระบวนการ "พาราไดร์มชิพ" (Paradigm Ship) ที่มาพร้อมกับกระแส "โลกาภิวัฒน์" (Globalization) ที่ผมอยากเรียกว่ากระแส "โลกาวิบัติ" มากกว่า และผมเชื่อว่าประเทศเล็ก ๆ อย่าง "ไทย" คงไม่สามารถต้านทานกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ที่ทำได้คือจะต้องรู้เท่าทันและพร้อมที่จะปรับตัว ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการลงทุนใน "อสังหาริมทรัพย์" ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงหรือมีความเสี่ยงต่ำ

            ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดถึงยันต์ "โป๊ยก๋วย" 4 ประการจากทั้งหมด 8 ประการ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นปราการด่านสำคัญที่จะช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยใน "การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงวิกฤติ" อันเป็นประกอบด้วย การศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study), การตั้งสมมุติฐาน (Hypothesis), การตลาด (Marketing), การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน (Liquidity) ซึ่งได้ค้างท่านผู้อ่านเอาไว้อีก 4 ประการ ก็มาต่อกันในสัปดาห์นี้อันประกอบไปด้วย ปราการด่านที่ 5 คือ "กระบวนการก่อสร้าง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป (Pre-fabrication) นำมาประยุกต์ใช้, ปราการด่านที่ 6 คือ "การควบคุมวัสดุอุปกรณ์และการก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน" ที่รวมไปถึงการควบคุมงบประมาณในการก่อสร้างไว้ให้บานปลายและควบคุมระยะเวลาในการก่อสร้างให้อยู่ในกำหนด, ปราการด่านที่ 7 คือ "การตกแต่งภายใน" ที่อยู่ภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม, ปราการด่านที่ 8 อันเป็นด่านสุดท้าย คือ "การบริหารจัดการเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ" ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงการส่งมอบอาคาร การทะนุบำรุงดูแลรักษาและซ่อมแซมอาคารให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ตลอดจนการวางระบบภาษี, บัญชีไปพร้อมกัน ซึ่งยันต์ "โป๊ยก๋วย" ทั้ง 8 ประการนี้เป็นสาระสำคัญในการบรรยายของผมในครั้งนี้ครับ

            นอกจากนั้นในการบรรยายครั้งนี้ผมจะตอกย้ำถึงวิถีคิด "เศรษฐกิจพอเพียง" อันเป็น "ศาสตร์พระราชา" ซึ่งเป็นวิถีการใช้ชีวิตแบบ "เดินสายกลาง" ที่ผมมักจะเรียกว่า "ไฮโซ-โลว์คอส" แบบไทย ๆ อะไรควรใช้ก็ใช้ อะไรไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ควรใช้ ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย เป็นการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่าง "สมดุลย์" ทั้ง "ประโยชน์และความสุข" รู้ทั้ง "คุณค่า" และ "มูลค่า" ไปพร้อมกัน สำหรับท่านผู้อ่านที่สนในเข้าฟังการบรรยายในครั้งนี้ก็สามารถโทรสำรองจองที่นั่งได้โดยด่วนที่ 02-2451399 และ 02-6441478 คงต้องรีบหน่อยนะครับเพราะรับจำนวนจำกัด