 บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างใช้ชื่ออาจารย์เชี่ยว ชอบช่วย หรือ ผศ.ดร.ภัทรพล เวทยสุภรณ์ และสำนักงานบ้านไม่บานไปใช้ในการหลอกลวงให้หลงเชื่อในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์,การออกแบบ,การก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งทางสำนักงานบ้านไม่บานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านต้องการติดต่อกับทางสำนักงานต้องติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 02-2451399 หรือ 02-6441478 เท่านั้น |
|
|
 |
ครบรอบ 120 ปี "ศิลป์ พีระศรี" |
|
|
สวัสดีครับแฟน ๆ ชาว "คนรักบ้าน" สำหรับสาระน่ารู้ในสัปดาห์นี้เป็นผลงานที่ผมภาคภูมิใจที่จะนำเสนออีกผลงานหนึ่งที่ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วม
สืบเนื่องจาก "หลวงตาพวน" หรือ "พระพิมลพัฒนาทร" (พวน วรมงฺคโล) (นามเดิมของท่านคือ
"พวน" นามสกุล "แก้วหล่อ") ที่ท่านได้ละสังขารไปตั้งแต่วันที่
5 มิถุนายน 2559 ด้วยอาการสงบที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ซึ่ง "หลวงตาพวน"
เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งยังมีจริยวัตรที่งดงามได้รับการเคารพนับถือจากพุทธศาสนิกชนทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชาว "อีสานใต้" ที่มีพรมแดนติดกับ "กัมพูชา" โดยท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดมงคลรัตน์
ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งท่านก็ได้สร้างงานสาธารณูปการมากมาย
อาทิเช่น ก่อสร้าง "พระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร" วัดมงคลคชาราม
หมู่ที่ 14 บ้านช้างหมอบ ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ,ก่อตั้งโรงเรียน
"อุปัชฌาย์พวนอุทิศ" ตั้งอยู่หมู่ที่ ๘ บ้านตะโก ตำบลตระแสง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ และอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนั้นท่านยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดฯพระราชทานตั้งสมณะศักดิ์ เนื่องในวโรกาสที่ พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยก
เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๙ โดยมีราชทินนามตามสัญญาบัตรประกอบพัดยศสมณะศักดิ์ว่า "พระพิมลพัฒนาทร"

หนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็คือ "บุพการี" ของผม เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่เริ่มเข้ารับราชการที่จังหวัด
"สุรินทร์" จนกระทั่งท่านเกษียณอายุ "หลวงตาพวน" ท่านก็รับกิจนิมนต์มาที่บ้านอยู่เนือง
ๆ ถึงแม้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่ "หลวงตาพวน" ท่านก็เมตตามาฉันท์เพลที่บ้านทั้งยังทำบุญกรวดน้ำให้เป็นประจำมิได้ขาด
จึงเป็นความผูกพันที่มีอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 60 ปี ที่ "บุพการี" ของผมได้เป็นลูกศิษย์ของ
"หลวงตาพวน" และแน่นอนครับผมเองก็เป็นหลานศิษย์ของหลวงตาเช่นกัน เมื่อ "หลวงตาพวน" ได้ละสังขาร เป็นไปตามกฎของ "ไตรลักษณ์" ที่ เกิดขึ้น คงอยู่ และแตกดับ ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ธรรมชาติที่แสนจะเรียบง่ายและยุติธรรมดังกล่าวไปได้
ทางสมาชิกในบ้านผมก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงตา ก็เลยทำให้ผมได้รับรู้รับทราบจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาว่า
"หลวงตาพวน" ครั้งยังมีชีวิตอยู่ท่านมีดำริว่าจะทำพิพิธภัณฑ์ไว้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา
ถือได้ว่าเป็นดำริที่บรรดาลูกศิษย์,หลานศิษย์จะต้องช่วยกันสานฝันให้ความตั้งใจของหลวงตาเป็นจริง
ผมก็ได้รับแบบร่างลายเส้นจากลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงตา ซึ่งว่ากันว่าเป็นลายเส้นของหลวงตาที่ร่างเอาไว้
ก่อนท่านจะละสังขาร ผมก็พยายามแกะลายเส้นของท่านด้วยความตั้งใจครับ โดยให้ผิดเพี้ยนน้อยที่สุด
ก็แกะกันอยู่กว่า 2 เดือนครับ ก็ทำได้เท่าที่เห็น ซึ่งยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ ก็คงต้องทำให้ดีกว่านี้อีก
แต่อย่างน้อยก็ได้เดินตามทางที่หลวงตาได้วางเอาไว้และสานฝันของหลวงตาให้สำเร็จให้จงได้

สารภาพตามตรงครับว่าพอผมได้เห็นภาพ
"Perspective" แบบ "3
มิติ" ของอาคารพิพิธภัณฑ์ของ "หลวงตาพวน" ผมก็รู้สึกดีใจ,ชื่นใจ และอิ่มเอิบใจเป็นอย่างยิ่งครับ
เพราะ "หลวงตาพวน" ท่านก็เป็นเสมือนพระอาจารย์ประจำบ้านของผมมายาวนานทั้งคุณพ่อคุณแม่ผมก็เป็นลูกศิษย์ของท่าน
ผมก็ถือได้ว่าเป็นหลานศิษย์ก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องลงมือทำให้สุดฝีมือและสุดความสามารถครับ
ส่วนความคืบหน้าของพิพิธภัณฑ์ "หลวงตาพวน" ผมก็จะรายงานให้ทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไปครับ
สำหรับสัปดาห์นี้ก็มาชื่นชมความงามกับการสานฝันพิพิธภัณฑ์ของ "หลวงตาพวน" กันครับ
|
|
|