สวัสดีครับแฟน ๆ ชาว "บ้านไม่บาน" สำหรับสาระน่ารู้ในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ
"ทาวโฮมส์ไม่บาน" ที่เบิกบานริมแม่น้ำ "แม่กลอง" จังหวัด
"ราชบุรี" มีจะว่าไปแล้วตลอดระยะเวลากว่า 30
ปี ที่ผมได้ทำงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมมานั้น ก็มีอยู่ไม่กี่ "โปรเจ็ค" หรอกครับที่ผมจะได้ออกแบบ "ทาวโฮมส์ไม่บาน" บนทำเลที่ติดกับแม่น้ำ สำหรับ "ทาวน์โฮมส์ไม่บาน" ที่เบิกบานริมแม่น้ำที่ผมกล่าวถึงนี้มีขนาด 5
ยูนิต (ที่สร้างติดกัน) ด้านหน้าติดทางสาธารณะ ด้านหลังติดแม่น้ำ "แม่กลอง" เลยเป็นอาณิสงค์ทำให้ทุกยูนิตมีระเบียงกว้างติดแม่น้ำ เป็นอาคารสูง
4 ชั้น พร้อมดาดฟ้า ซึ่งผมได้ออกแบบให้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์หรือจะทำเป็นสวนลอยฟ้าเอาไว้นั่งเล่นกินลมชมแม่น้ำได้ก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด นอกจากนั้นทุกห้องของทุกยูนิตสามารถเปิดหน้าต่างรับลมและชมวิวแม่น้ำอย่างตรง
ๆ เต็ม ๆ
หากก่อสร้างแล้วเสร็จก็น่าจะเป็น "ทาวน์โฮมส์ไม่บาน" ที่เบิกบานริมแม่น้ำที่น่าอยู่น่าพำนักพักอาศัยเป็นอย่างยิ่งครับ

ตรงระเบียงกว้างของ "ทาวโฮมส์ไม่บาน"
ในแต่ละยูนิตถูกออกแบบให้สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังแม่น้ำได้แบบ ยูนิตใครยูนิตมัน ไม่บดบังกันและไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ทำให้แต่ละยูนิตสามารถทำเป็นศาลาท่าน้ำ พร้อมที่จอดเรือลำเล็ก ๆ พอแดดร่มลมตกก็นั่งเรือเล่น ลัดเลาะไปตามลำน้ำ ซึ่งจะว่าไปแล้วลึก ๆ วัฒนธรรมของไทยเรานั้นแท้จริงแล้วมีพื้นฐานอยู่บน "วัฒนธรรมข้าว" และ
"วัฒนธรรมน้ำ" ครับ หากเกิดบนผืนแผ่นดิน "สุวรรณภูมิ" เป็นคนไทยคงไม่กินข้าวไม่ได้จะอยู่ห่างน้ำก็ไม่ดีเช่นกันครับ
บ้าน "โครงการชีวาธาร" เป็น "ทาวน์โฮมส์ไม่บาน" เพียง 5 ยูนิตติดริมแม่น้ำ "แม่กลอง" ก็เป็นหนึ่งในการพัฒนาอสังหาฯ ประเภท
"ทาวน์โฮมส์" ที่ผมมีความสุขที่สุดที่ได้ออกแบบและเป็นโครงการ "ทาวน์โฮมส์ไม่บาน" ที่สวยที่สุดโครงการหนึ่งเท่าที่ได้ลงมือทำมาเลยทีเดียว จะคิดอย่างผมหรือไม่ท่านผู้อ่านก็ลองชื่นชมความงามจากรูปลักษณ์ภายนอกของ
"ทาวน์โฮมส์ไม่บาน" ริมแม่น้ำ "แม่กลอง" แห่งนี้กันดูครับ

หากลองพิจารณาดูรูปลักษณ์ภายนอกอย่างละเอียดของ "ทาวน์โฮมส์ไม่บาน" ทั้ง
5 ยูนิต ผมจงใจออกแบบเพื่อสร้างรูปลักษณ์ให้เป็น "เอกลักษณ์" ที่จะทำให้ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นอาคารเรือนแถวในลักษณะ "ทาวน์โฮมส์" ที่มีอยู่ทั่วไปแต่ทำให้ดูเสมือนว่าเป็นอาคารขนาดย่อมที่สวยงาม 1 หลัง ซึ่งจะทำให้อาคารหลังนี้นั้นดูเด่นเป็นสง่ามากขึ้นและผมได้จงใจสร้าง "เอกลักษณ์" คือ
ออกแบบให้มีลักษณะเป็นโดมทรงเหลี่ยมสูงขึ้นมาขนาบทั้งสองข้างของอาคาร และมีการเล่นกับรูปด้านหน้าอาคารโดยใช้หลังคามาเป็นองค์ประกอบในการประดับตกแต่งให้อาคารหลังนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ก็ได้ผลครับ เพราะดูผิวเผินก็แตกต่างจากทาวโฮมส์แบบทั่วไป ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าสนใจอะไรและออกจะน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ พอมีการปรับแต่งรูปร่างหน้าตาขึ้นมาใหม่ก็เกิดเป็น "เอกลักษณ์" ใหม่ขึ้นมาทันทีทันใดครับ ก็น่าสนใจดีครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตอนกลางคืนหากมีการประดับแสงไฟ โดยใช้ไฟประเภท "สปอร์ทไลท์" ("Spot Light") ในการประดับตามหลังคาโดมทรงเหลี่ยมก็จะสวยสดงดงามเพิ่มขึ้นหลายเท่าทวีคูณ และยิ่งหากมีการประดับประดาไฟตามผนังที่เรียกว่า
"Wall Washer" ก็ยิ่งสวยสดงดงามและดูเด่นเป็นสง่ามากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นครับในการแสวงหา "เอกลักษณ์" ของอาคารที่ทำให้เกิดเป็น "แลนมาร์ค"
("Land Mark") หมายถึง "จุดเด่นที่ทำให้สามารถจดจำได้" ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกระบวนการออกแบบที่ทำให้ "บ้านสวยเมืองงาม" คือ
ทุกอาคารต่างออกแบบแข่งขันกันที่จะสร้างบ้านเมืองให้สวยงาม เป็นความ
"ศิวิไลซ์" เหมือนกับบ้านเมืองในต่างประเทศ เช่น "ลอนดอน" "ปารีส" ฯลฯ ที่เมืองต่าง
ๆ เหล่านี้ต่างก็มีอาคารที่มีรูปลักษณ์ที่เป็น
"เอกลักษณ์" สวยงามมีเสน่ห์และดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศนับสิบนับร้อยล้านคนเข้ามาเยี่ยมเยียน คือ จะต้องแข่งขันกันทำให้บ้านเมืองสวยงามมากยิ่งขึ้นครับ เป็นศักดิ์เป็นศรีเป็นคุณงามความดีและย้ำอีกทีนะครับว่าเป็นความ
"ศิวิไลซ์" ที่พวกเราคนไทยต้องร่วมด้วยช่วยกันครับ
นอกจากนั้นแฟน ๆ ชาว "บ้านไม่บาน" ท่านใดที่สนใจติดตามความเคลื่อนไหว ตลอดจนกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ในรูปแบบต่าง
ๆ ของผม
รวมไปถึงข่าวสารแบบ "Update" ที่รวดเร็วทันใจได้จาก Fan Page https://www.facebook.com/Dr.Chivagroup/ ครับ
สำหรับสาระน่ารู้ในสัปดาห์นี้คงมีแค่นี้ พบกับสาระน่ารู้ของ "คนรักบ้าน" กันได้ใหม่ในอีกสองสัปดาห์หน้าครับ
|