สวัสดีครับแฟน ๆ ชาวคนรักบ้านเวลาก็ผ่านไปครบ 7 วันแล้วครับ ที่สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จสู่สวรรคาลัย สำหรับผมแล้วในช่วงเวลาแห่งความทุกข์โศกนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ได้เรียงร้อยหัวใจนับล้านดวงของคนไทยเข้าด้วยกันให้รู้รักษ์สามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมกันทำความดีถวายแด่พระองค์ ถึงแม้ว่าวันที่ทรงจากไปของสมเด็จพระพี่นางฯ เปรียบคล้ายวันมหาวิปโยคอีกวันหนึ่งของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ แต่สำหรับผมถือได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ทบทวนในทุก ๆ สิ่งที่เราได้กระทำมาว่าสิ่งใดควร ไม่ควร และเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับเปลี่ยนความรู้สึก เศร้าสร้อย ให้เกิดเป็นพลังในการทำความดี ถวายแด่พระองค์ท่าน
ในความเห็นของผม สมเด็จพระพี่นาง ฯ ทรงเป็นตัวแทนของความรัก ความเอื้ออาทร ความผูกพันในครอบครัวในทุกมิติ ที่พวกเราชาวคนรักบ้านสมควรยึดถือเป็นแบบอย่างในพระจริยวัตรอันอ่อนโยน อบอุ่นและเอื้ออาทรของพระองค์ท่าน อีกทั้งยังทรงเป็นพระพี่นางของพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเทิดทูนของปวงชนชาวไทยถึง 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (ล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 ) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชองค์ปัจจุบัน หากย้อนกลับไปดูภาพถ่ายเก่า ๆ ในอดีตจะเห็นได้ว่า ยุวกษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์และสมเด็จพระพี่นางฯ เป็นสามพี่น้องที่ทรงรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และหากศึกษาประวัติศาสตร์ในด้านรัฐศาสตร์ การเมือง การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้ถึงแก่นจะเห็นได้ว่าเป็นราชวงศ์ที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเป็นที่สุด ผ่านอุปสรรคนานัปการ ดังที่ทราบกันทั่วไปว่า สมเด็จพระราชบิดาเสด็จสวรรคตตอนสมเด็จย่าทรงมีพระชนม์มายุเพียง 30 พรรษา( ในปี 2472 ) ครานั้นสมเด็จพระพี่นาง ฯ ทรงมีพระชนม์มายุเพียง 1 ขวบ 9 เดือน และจากการที่เจ้านายเล็ก ๆ ยุวกษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์ได้ทรงสืบราชสมบัติสันติวงศ์อันเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดฝันของสถานการณ์บ้านเมืองและหากจะเข้าใจถึงวิถีการดำรงชีวิตและพระจริยวัตรของเจ้านายทั้งสามพระองค์นี้ จำเป็นต้องศึกษาย้อนกลับไปถึงพระจริยวัตรของพระบรมราชชนกรวมทั้งสมเด็จพระบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย และหากต้องการศึกษาให้ถึงแก่นแท้ของพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ท่านต้องศึกษาย้อนไปถึงวิถีชีวิตที่งามง่าย พอเพียง ของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เลยทีเดียว พระราชปณิธานถูกปลูกฝังอบรมถ่ายทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสมเด็จย่าให้มุ่งมั่นเดินตามแนวพระราชปณิธานของพระบรมราชชนกที่จะต้อง "ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน" ดังที่ทรงมีพระนิพนธ์ตอนหนึ่งไว้ว่า "ในครอบครัวเรา ความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องคิด"
สมเด็จย่าทรงเลี้ยงยุวกษัตริย์ทั้งสองพระองค์และสมเด็จพระพี่นางฯ อย่างมี ระเบียบ แบบแผน ทรงสอนให้รู้สำนึกในหน้าที่มีวิถีชีวิตที่อยู่อย่างเรียบง่าย งามง่าย ประหยัดและพอเพียง แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงดำเนินชีวิตอย่างผ่อนคลาย สบาย ๆ ดังจะเห็นได้จากรูปภาพที่ทรงหยอกล้อกันระหว่างสมเด็จพระพี่นาง ฯ กับน้อง ๆ เวลาถูกใจ ดีใจ ก็จะหอมแก้มกันและกัน เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่น อ่อนโยน เอาใจใส่เอื้ออาทร ดูแลทุกข์ สุขให้แก่กันและกัน เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าทรงเป็นกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลังพระเจ้าอยู่หัวในการปฏิบัติพระราชกรณี ยกิจในด้านต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ เสมอต้นเสมอปลาย นับตั้งแต่วันแรกที่เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติจวบจนวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ ซึ่งไม่เป็นเพียงเสาหลักค้ำจุนให้พระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น แต่ยังทรงช่วยแบ่งเบาภาระของสมเด็จพระราชชนนีในการปฏิบัติพระราชกรณี ยกิจที่ยังประโยชน์สุขแก่พศกนิกรของพระองค์
สำหรับในสัปดาห์นี้ผมขอนำเสนอรูปแบบสถาปัตยกรรมอีกรูปแบบหนึ่งที่จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับพระองค์ท่านในงานพระราชทานเพลิงพระศพที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ที่เรียกกันว่า "พระเมรุมาศ" ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่รังสรรค์ขึ้นบนพื้นฐานของคติความเชื่อแบบเทวนิยมอันมีรากมาจากศาสนาพราหมณ์ซึ่งเชื่อกันว่าเจ้านายเมื่อเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว เพราะในความเชื่อแบบพราหมณ์เชื่อว่า พระองค์เปรียบดั่งสมมุติเทพที่อวตารลงมาปราบทุกข์เข็ญบนโลกมนุษย์บน เมื่อละสังขารแล้ว ก็จะเสด็จสู่สวรรคาลัยกลับคืนไปยังทิพย์พิมานที่เทือกเขาพระสุเมรุ ซึ่งความเชื่อในทางศาสนาพราหมณ์นั้น เขาพระสุเมรุ ก็คือ เทือกเขาหิมาลัยและที่เขาพระสุเมรุแห่งนี้บนยอดสูงสุด ก็คือ ที่ประทับของ เทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ คือ องค์พระศิวะ ซึ่งรูปแบบพระเมรุมาศที่ผมนำเสนอในสัปดาห์นี้ เป็นพระเมรุมาศของล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ในสมัยนั้นเริ่มมีการใช้กล้องถ่ายรูปทำให้เราได้มีโอกาสเห็นรูปพรรณสัณฐานและความยิ่งใหญ่อลังการณ์
อีกทั้งความงดงามของพระเมรุมาศรวมไปถึงรูปแบบพระเมรุมาศของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และ 6 ที่ออกแบบโดย สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนายช่างใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนรูปแบบพระเมรุมาศของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เจ้านายทรงกรมพระองค์เดียวในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 พระองค์นี้ ที่จะจัดสร้างขึ้นที่บริเวณปะรำพิธีท้องสนามหลวงจะมีหน้าตาอย่างไรก็ติดตามกันต่อไปครับ
ในสัปดาห์มหาวิปโยคนี้สาระน่ารู้ของคนรักบ้านก็มีแค่นี้ครับ หากว่ากันตามความจริงแล้ว การเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระองค์ท่าน ได้ทำให้คนไทยทั้งประเทศเรียนรู้ รับรู้ พระจริยวัตรอันงดงามรวมทั้งพระกรณียกิจที่ทรงทำเพื่อพวกเรามากขึ้น อีกทั้งได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากขึ้นและเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้เกี่ยวร้อยหัวใจคนไทยนับล้านดวงเป็นผลให้คนไทย รู้รักษ์สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น
มาเถอะครับพวกเราชาวคนรักบ้านมาร่วมกันถวายความจงรักภักดี ปฏิญาณตนว่าจะขอทำความดีถวายพระองค์มาพร้อมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่งเสด็จสมมุติเทพพระองค์นี้ให้เสด็จกลับไปประทับ ณ เขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของเหล่าทวยเทพ ให้ทรงพระเกษมสำราญชั่วกาลนานเทอญ
|